C L I C K

Monday 26 September 2022

ใช้กัญชารักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) แทนยาแอดเดอรัล (Adderall)

 ยอดการวินิจฉัยคนเป็นโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder - ADHD) มีตัวเลขเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2016  มีเด็กอเมริกัน 6 ล้านคนหรือเกือบ 10% ของเด็กทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้โดยเพิ่มขึ้นจาก 6.1% ในปลายยุค 90 (ปี 1990-1999)




โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD) จะได้รับการรักษาด้วยยาที่เป็นสารกระตุ้น เช่น ยาแอดเดอรัล(Adderall) ซึ่งช่วยให้คนมีสมาธิขึ้นโดยการเพิ่มระดับของสารสื่อประสาทโดพามีน (dopamine) แต่ยานี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงหลายๆ อย่างตั้งแต่อาการนอนไม่หลับไปจนถึงการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันในเด็กที่เป็นโรคหัวใจ

พ่อแม่ผู้ปกครองบางส่วนที่รู้สึกเป็นทุกข์ กังวลใจจากผลข้างเคียงของยาแอดเดอรัล (Adderall) ที่เป็นสารกระตุ้นนี้กำลังหันมาทดลองใช้กัญชาทางการแพทย์ซึ่งเพิ่มระดับของสารโดพามีน (dopamine) และช่วยให้จิตใจสงบ พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) มีความระมัดระวัง ใส่ใจในการใช้ยาริทาลิน (Ritalin) และยาแอดเดอรัล (Adderall) ซึ่งเป็นวิธีการรักษาทั่วไปของโรคนี้ แต่เนื่องจากผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ของยาเหล่านี้ที่เป็นสารกระตุ้นในการใช้ยาในระยะยาว ตอนนี้พวกเขากำลังหันไปหาแพทย์ที่จะออกใบสั่งจ่ายยากัญชาทางการแพทย์แทน

 Elizabeth Spaar แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในเมือง Verona  มลรัฐ Pennsylvania บอกกับสื่อ Insider ว่า “พวกเขาเห็นพฤติกรรมของเด็กๆ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในโรงเรียนและเด็กๆ ก็มีความสุขและสงบขึ้นเมื่ออยู่ที่บ้าน” โดยเธออ้างถึงผู้ป่วยเด็กและลูกๆ ของเธอที่เป็นโรคสมาธิสั้นได้ตอบสนองต่อกัญชาทางการแพทย์


ในขณะที่ยาที่เป็นสารกระตุ้นนั้นได้ช่วยเด็กบางคนที่มีปัญหาด้านสมาธิ ความสนใจและยังได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA)  หรือ อ.ย. สหรัฐฯ แต่ทว่ายาพวกนี้ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น ยาแอดเดอรัล (Adderall) ซึ่งถูกจัดเป็นยาที่มีความเสี่ยงต่อการเสพติดสูง (schedule 2 drug) คือจัดเป็นยาเสพติด ซึ่งหมายถึงมี "ความเป็นไปได้สูงที่จะใช้ยาในทางที่ผิด" หรือเป็นอันตราย ยากระตุ้นนี้ยังมาพร้อมกับผลข้างเคียงต่างๆ เช่น ทำให้นอนไม่หลับ ง่วง ซึม ไม่อยากอาหารและการเจริญเติบโตที่ด้อยกว่าปกติ คือหยุดการเจริญเติบโต และเมื่อเวลาผ่านไปเด็กก็เกิดอาการดื้อยานำไปสู่ปริมาณหรือขนาดของยา (dose) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในที่สุดเด็กๆ ก็จะประสบกับยาที่มีประสิทธิภาพลดลง

กัญชาเพิ่มระดับสารโดพามีนได้เช่นเดียวกับยา Adderal และ Ritalin ซึ่งสารนี้สามารถช่วยให้คนที่มีภาวะสมาธิสั้นเพ่งจุดสนใจ จดจ่อได้ แต่กัญชาแตกต่างจากยาที่เป็นสารกระตุ้นเหล่านี้ เพราะกัญชาทางการแพทย์มีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดปัญหาในการนอนหลับและความอยากอาหารลดลง และโอกาสในการติดยาจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่คำถามยังคงมีที่เกี่ยวกับประสิทธิผลของกัญชา ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวและกัญชาทางการแพทย์จะทำให้ผลลัพธ์เกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น (ADHD) รุนแรงขึ้นได้หรือไม่

ประสิทธิผลของกัญชาต่ออาการสมาธิสั้นนั้นยังมีหลักฐานไม่ชัดเจน (The evidence for marijuana's effectiveness on ADHD symptoms is unclear)

การวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder - ADHD)  เป็นลักษณะอาการของสภาวะที่ขาดสมาธิอย่างต่อเนื่อง (inattention)  อยู่ไม่นิ่ง (hyperactivity) และหุนหันพลันแล่นหรือขาดการ ยั้งคิด (impulsivity) ซึ่งกำลังเกิดเพิ่มขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาวในสหรัฐอเมริกา และในปี 2016 มีเด็ก 6 ล้านคนหรือเกือบ 10% ของเด็กทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.1% ในช่วงปลายยุค 90s (ปี 1990-1999)  ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่าในเวลาเดียวกันนั้นยาที่เป็นสารกระตุ้น (stimulants) ก็เริ่มเป็นวิธีการรักษามาตรฐานสำหรับผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD)

มีการวิจัยเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ในการรักษาโรคสมาธิสั้นและระยะเวลาในการรักษาก็จะมีความเสี่ยงมาเกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์บางคนกังวล และเป็นห่วงว่ากัญชาจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านความคิดและสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาสมอง รวมถึงการที่กัญชาทำให้ความทรงจำระยะสั้นบกพร่อง

Roni Sharon นักประสาทวิทยาในนิวยอร์กได้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์สำหรับรักษาอาการบางอย่างในผู้ใหญ่รวมถึงภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) แต่ Sharon บอกกับสื่อ Insider ว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะสั่งจ่ายยากัญชาให้กับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยเพราะว่ามีความเสี่ยง  “สมองของวัยรุ่นนั้น..ต้องระวังให้มาก”  Sharon กล่าว

การศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet (published in the Lancet) สรุปว่ายังมีหลักฐาน ไม่เพียงพอที่จะแนะนำว่ากัญชาสามารถบรรเทาความผิดปกติทางจิตประสาทและอารมณ์ (mental  health disorder) รวมถึงภาวะสมาธิสั้น (ADHD)  ณ จุดนี้หน่วยงานกุมารเวชในสหรัฐฯ (The American Academy of Pediatrics หรือ AAP)  ได้กล่าวว่าสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์เฉพาะในเด็กที่เผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายคุกคามต่อชีวิต (life-threatening situations)

ถึงกระนั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่จะมายับยั้งพ่อแม่ผู้ปกครองที่บอกว่าพวกเขาประสบมาโดยตรงและเห็นว่ากัญชาทางการแพทย์ได้ช่วยเด็กๆ ที่กำลังประสบปัญหากับอาการโรคสมาธิสั้น (ADHD) ได้อย่างไร



แพทย์คนหนึ่งได้กล่าวว่ากัญชาสามารถช่วยแก้ไขปัญหาด้านความสนใจ ความตั้งใจ และอาจทำให้ความคิดที่แล่นเร็วมากในหลายๆ เรื่องสงบลง (racing thoughts) สงบลง (One doctor says cannabis can help with attention issues and may calm racing thoughts)

Dr. Elizabeth Spaar เป็นเจ้าของ Spectrum Family Practice ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์และการฟื้นฟู บำบัดการติดยาเสพติด (addiction recovery) ซึ่งนับตั้งแต่เปิดโครงการกัญชาเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา Dr. Spaar กล่าวว่าเธอได้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยโรคเด็กประมาณ 75 คนที่มีอาการหลายอย่างซึ่งรวมไปถึงโรคสมาธิสั้น (ADHD) ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) โรคออทิสติก (autism) และกลุ่มอาการทูเรตต์ (Tourette syndrome - อาการกล้ามเนื้อกระตุกและเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ) เมื่อ Dr. Spaar ได้พูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการรักษาโรคสมาธิสั้นด้วยกัญชาทางการแพทย์ เธอชี้ให้ดูไปที่ประสบการณ์ส่วนตัว

ลูกชายวัยรุ่นทั้งสองคนของ Dr. Spaar มีทั้งภาวะสมาธิสั้นและออทิสติก เป็นเวลาหลายเดือนที่ลูกชายคนน้องของ Spaar ได้ลองใช้ยาที่เป็นสารกระตุ้นหลายชนิด เช่น Adderall, Ritalin, Concerta เพื่อรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับสภาวะอาการต่างๆ

แม้ว่ายาเหล่านี้ค่อนข้างจะช่วยได้  Dr. Spaar กล่าวว่าเธอกังวลและเป็นห่วงกับผลข้างเคียงซึ่งรวมไปถึงการทำให้เบื่ออาหารและนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ซึ่งอาการพวกนี้เป็นผลกระทบหลักของยาที่เป็นสารกระตุ้นเหล่านี้

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์บางคนบอกว่ากัญชาทางการแพทย์นั้นมีประโยชน์ขอเพียงแค่ให้ผู้ป่วยสมาธิสั้นของพวกเขานั้นได้ออกจากยาสารกระตุ้นเหล่านั้น

David Berger กุมารแพทย์และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Wholistic Releaf  ซึ่งเป็นคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดาได้แจ้งต่อสื่อ Insider ว่าเขาใช้กัญชาเพื่อจุดประสงค์นั้น

โดยรวมแล้ว นายแพทย์ Berger กล่าวว่าผู้ป่วยเด็ก 20 คนของเขาสามารถหยุดการใช้ยา เช่น Ritalin และ Adderall ได้โดยการรวมกันของสาร THC ซึ่งเป็นสารเคมีในกัญชาที่มีผลต่ออาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมาทางจิตใจและร่างกาย และสาร CBD ซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมีที่ไม่ทำให้ผู้ป่วยเคลิบเคลิ้ม มึนเมา แต่สามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาทางการแพทย์และสุขภาพจิตบางอย่าง

Dr. Spaar ได้ตัดสินใจเมื่อปีที่แล้วเพื่อให้ลูกชายทั้งสองของเธอได้รับสาร THC และ CBD จากกัญชาในขนาดไมโครดอส (microdose) คือ เริ่มใช้ทีละน้อยๆ ค่อยๆ เพิ่มทีละนิด เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้แทนยาที่เป็นสารกระตุ้น (stimulants) โดยการให้ยากัญชาวันละ 2 ครั้งในขนาด 5 มิลลิกรัมในรูปแบบของน้ำมันแก่ลูกชายที่มีอายุ 13 และ 15 ปี

Dr. Spaar กล่าวว่าบางครอบครัวจะดำเนินการร่วมกับเภสัชกรและที่ปรึกษาในร้านขายยากัญชา (dispensary) เพื่อหาวิธีที่จะได้ปริมาณหรือขนาดของยาที่เหมาะสม เธอได้ปรึกษากับจิตแพทย์ลูกๆ ของเธอเกี่ยวกับประเด็นปัญหานี้ แต่เขาไม่ได้จัดการเฉพาะกรณี

Dr. Spaar กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มรับกัญชาทางการแพทย์ ลูกชายคนน้องของเธอตอนนี้มีความวิตกกังวลน้อยลงและมีสมาธิจดจ่อไปที่งานของโรงเรียนได้ดีขึ้น เธอบอกว่ากัญชายังช่วยเขาในเรื่องของอาการติกส์หรืออาการกล้ามเนื้อกระตุก และทำให้การนอนหลับของเด็กชายอายุ 14 ปีดีขึ้นและอยากทานอาหารมากขึ้นตั้งแต่เขาได้หยุดใช้ยาที่เป็นสารกระตุ้น

ลูกชายคนพี่ของ Dr. Spaar ซึ่งมีอาการออทิสติกและอาการสมาธิสั้นรุนแรงกว่าน้องชายนั้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นที่เห็นได้ชัดเจนในหลายๆ ด้าน แม่ของเขากล่าวว่า ตั้งแต่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับกัญชาทางการแพทย์ เกรดการเรียนของเด็กชายวัย 15 ปีนั้นดีขึ้น เขามีช่วงเวลาที่สะดวกสบาย ง่ายขึ้นในการมีสมาธิจดจ่อและทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน  Dr. Spaar กล่าวว่ากัญชายังช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง ซนผิดปกติและสงบสติอารมณ์ ความคิดที่แล่นเร็วและความร้อนรนของเขา

Dr. Spaar บอกว่าเธอ "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า" เธอจะได้เห็นเคสการรักษาอื่นๆ อีกมากที่ใช้กัญชาทางการแพทย์ในการรักษาเด็กที่มีปัญหาด้านสมาธิ ความสนใจ
 

Spaar กล่าวว่าเพื่อนร่วมงานของเธอเป็นแกนนำเกี่ยวกับการไม่ยอมรับในกัญชา (Spaar said her peers have been vocal about their disapproval)

Dr. Spaar กล่าวว่าผู้ป่วยของเธอพึงพอใจกับผลลัพธ์โดยเฉพาะ เนื่องจากกัญชาช่วยทำให้พวกเขาหลายคนลดจำนวนการใช้ยาที่เป็นสารกระตุ้นหรืออาจจะไม่ต้องใช้ยานั้น ถึงกระนั้น Dr. Spaar กล่าวว่าเพื่อนร่วมงานของเธอบางคนเป็นแกนนำพูดเกี่ยวกับการไม่ยอมรับในกัญชา

“มีคนบางกลุ่มพูดว่า 'คุณเพียงแค่ทำให้ลูกของคุณเคลิบเคลิ้ม มึนเมา ' นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิด เมื่อพวกเขา นึกถึงกัญชา Dr. Spaar กล่าว “แต่ทว่าเมื่อฉันได้บอกพวกเขาถึงการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างน่าทึ่งที่ฉันได้เห็นและมันมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้คนได้ตาสว่าง ทำให้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ”

แม้ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะมีทางเลือกที่จะบำบัดรักษาลูกๆ ของพวกเขาด้วยกัญชาทางการแพทย์ แต่การเข้าถึงกัญชาดูจะเป็นความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากทุกรัฐมีกฎหมายที่แตกต่างกันเกี่ยวกับโรคประจำตัวใดๆ ที่ผู้ป่วยมีคุณสมบัติเพื่อได้บัตรกัญชาทางการแพทย์ และพวกเขาจะเข้มงวดอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเด็ก ซึ่งในขณะนี้โรคสมาธิสั้น (ADHD) ยังไม่ถือว่าเป็นโรคที่มีคุณสมบัติใช้กัญชารักษา (qualifying condition) ในรัฐใดๆ ซึ่งหมายความว่าการใช้กัญชาในการรักษาโรคสมาธิสั้นนั้นผิดกฎหมาย แม้แต่ในรัฐที่กัญชาทางการแพทย์ได้รับการอนุมัติสำหรับการรักษาในบางโรค


การวินิจฉัยเพิ่มเติมในเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) เพื่อคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับบัตรกัญชาทางการแพทย์เพื่อใช้ในการบำบัดรักษาอาการ (A child with ADHD may have an additional diagnosis that qualifies for a medical-marijuana card)


เด็กๆ ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) อาจได้รับการวินิจฉัยด้วยสภาวะอื่นที่ทำให้ผู้ป่วยมีคุณสมบัติสำหรับบัตรกัญชาทางการแพทย์ซึ่งรวมไปถึงโรคออทิสติก ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)

แพทย์ผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการออกใบสั่งจ่ายกัญชาในการรักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) เชื่อว่าเร็ว ๆ นี้กัญชาจะเป็นการรักษามาตรฐานมากขึ้นสำหรับโรคประจำตัวนี้และโรคอื่นๆ ในกลุ่มผู้ป่วยเด็ก

Anand Dugar วิสัญญีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ที่เป็นเจ้าของ Green Health Docs (ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ: เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของยากแก้ปวดกลุ่ม opioid) ในเมือง Frederick รัฐ Maryland เป็นหนึ่งในกลุ่มแพทย์ที่มีความหวังนั้น

นายแพทย์ Dugar แจ้งว่าเขาได้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วยมากถึง 20,000 คน และบอกว่าเขาได้ให้คำปรึกษาต่อพ่อแม่กับผู้ปกครองหลายๆ คนที่ต้องการลองใช้กัญชารักษาโรคสมาธิสั้นเพื่อช่วยให้เด็กๆ ของเขาสงบสติอารมณ์ ผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น

"คนที่มองโลกในแง่ร้ายประจำและชอบปฏิเสธอยู่เสมอ (naysayers) มองแต่ว่าจะไม่ปลอดภัย" Berger กล่าว "แน่นอนว่ามันหมายถึง ผู้คนจำนวนมากกำลังลองใช้กัญชา"

Steve Smith ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ Essential Nutrition and Wellness คลินิกการแพทย์ทางเลือกแบบองค์รวมซึ่งเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพในรัฐอิลลินอยส์ก็เชื่อว่ามีสถานการณ์ที่เหมาะสมกับการออกใบสั่งจ่ายกัญชา เขายังอยู่ในค่ายของผู้คนที่คิดว่าการใช้กัญชาทางการแพทย์นั้นดีที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยลดการใช้ยาที่เป็นสารกระตุ้น (stimulants) ลง

Smith กล่าวว่า มีบ่อยครั้งที่อาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาด้านสมาธิ ความสนใจในเด็กนั้นได้รับการวินิจฉัยมากเกินไปหรือวินิจฉัยผิดพลาด  พวกเด็กๆ เหล่านี้ "มีความยืดหยุ่น ปรับให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้" Smith บอกว่า สามารถทำให้สมาธิของพวกเขาดีขึ้นได้ด้วยการรักษาเชิงธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะของโรคสมาธิสั้น (ADHD) นั้น Smith ได้เห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างมากผ่านการบำบัดทางพฤติกรรมและด้วยสุขอนามัยในการนอนหลับและอาหารที่ดีขึ้น

“ผมต้องการไปยังจุดที่เราไม่ต้องให้ยากระตุ้นใดๆ แก่เด็กๆ ” เขากล่าว

credit:https://www.cannhealth.org/content/7145/cannhealth

อ้างอิง:

Insider / Jan. 7, 2020

By: Stephanie Thompson

https://www.insider.com/adhd-marijuana-adderall-alternative-kids-2020-1

Monday 22 August 2022

ว่าด้วย INDICA & SANTIVA

หลายครั้งที่เราพบว่ามีความเข้าใจกันไม่ตรงกันว่า INDICA & SANTIVA มีลักษณะอาการอย่างไร วันนี้จะมาบอกอาการของแต่ละชนิดกัน กัญชาแบบ INDICA กับ SATIVA ต่างกันอย่างไร

พืชตระกูลนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งนั่นก็คือ Sativa, Indica และ Ruderalis​ แต่สำหรับ Ruderalis ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะมีสาร THC ค่อนข้างน้อย ถึงแม้จะเจริญเติบโตไวกว่าชนิดอื่นก็ตาม

.
ส่วนชื่อของกัญชานั้น ตามหลักแล้วฝรั่งมักจะใช้คำว่า Cannabis ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อของพืชดอก ทางด้านกัญชงก็เป็นหนึ่งในตระกูลเดียวกัน แต่จะถูกเรียกว่า Hemp มากกว่า

 สำหรับ Marijuana (มาลีฮวนนา) ที่เราคุ้นชินกันนั้นเป็นเหมือนศัพท์แสลงเสียมากกว่า และคำแสลงอย่าง Pot หรือ Mary Jane ก็เช่นกัน ส่วนในไทยก็มีชื่อเล่นที่ต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น เนื้อ หรือ ปุ๊น เป็นต้น

.
SATIVA : กัญชาชนิด Sativa จะให้ความรู้สึกตื่นตัว สร้างสรรค์ สดชื่น อยากอาหาร เหมาะสำหรับใช้งานในช่วงกลางวัน เป็นชนิดที่พบสาร THC มากกว่าชนิดอื่น
.
หากดูตามผลลัพธ์ Sativa เหมาะสำหรับใช้ในการทำงานเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความมีชีวิตชีวา นึกคิดถึงประเด็นต่างๆ ได้ลึกซึ้งมากขึ้น มีจุดเด่นในการช่วยด้านความคิดสร้างสรรค์ การทำงานของสมอง
.
INDICA : ในส่วนของ Indica นั้นมักส่งผลต่อร่างกายมากกว่าสมอง เพราะมีสาร CBD สูง มักจะใช้เพื่อการผ่อนคลาย พักผ่อน คลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้นอนหลับ ลดไมเกรน เหมาะสำหรับการใช้กลางคืนเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจนั่นเอง
.
ตามปกติแล้ว มักจะใช้เพื่อการผ่อนคลาย ในช่วงเวลากลางคืน หลังการทำงานมาอย่างหนัก อาทิ กิจกรรมอย่างนั่งเล่นเกม ดูซีรีส์ก่อนนอน ในเชิงการรักษา Indica มีประโยชน์ในเรื่องการรักษาโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง โรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ อาการชักกระตุก ปัญหานอนไม่หลับ และมักใช้บำบัดผู้ป่วยหลังจากการทำคีโมในแง่ของอาการคลื่นไส้อาเจียน
.
*THC คือสารในกัญชาที่ทำให้เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เมา ลอย ผ่อนคลาย
*CBD คือสารในกัญชาที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเมาหรือลอย ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ชัก
**ทั้งสองมีส่วนสำคัญในการช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง แต่ THC จะมีบทบาทมากกว่าในการยับยั้ง ส่วน CBD มักนำมาใช้บำบัดอาการหลังจากการทำเคมีบำบัด
.
สำหรับการสังเกตเชิงกายภาพ Indica มักจะใบกว้างและใหญ่ ลำต้นไม่สูงมากนัก ส่วน Sativa มักจะมีลักษณะเรียวแหลม ลำต้นสูงกว่า Indica อยู่พอสมควร .

#Marijuana #Cannabis #maryjanekasetnawamin  
reference:https://www.facebook.com/brandthink.me/posts/2252525108406362/



แบ่งลักษณะของสายพันธุ์ของกัญชา

    กัญชา เป็นพืชสกุล Cannabis อยู่ในวงศ์ Cannabaceae สายพันธุ์ที่เราพบเห็นกันได้บ่อย ไม่ว่าจะจากหนังต่างๆหรือที่ออกข่าวกันจะมีอยู่ 3 สายพันธุ์ ได้แก่
1.สายพันธุ์ซาติวา (Cannabis Sativa)
2.สายพันธุ์อินดิกา (Cannabis Indica)
3.สายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)
ส่วนคำว่า มาลีฮวนน่า (Maleehuana) ที่ได้ยินกันบ่อยๆนั้น เป็นคำกลายมาจากภาษาอังกฤษ (Marijuana) ที่แปลว่ากัญชา แต่ได้ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อวงดนตรีแนวเพลงเพื่อชีวิต เพื่อสื่อถึง อิสรภาพจากกรอบสังคม และ ความคิด



 1.ซาติวา (Cannabis sativa) 

          เป็นภาษาละติน แปลว่า เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ได้รับการจัดวงศ์พีชไว้เมื่อปี ค.ศ 1753 หรือ พ.ศ. 2296 เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างหายากมีแหล่งกำเนิดบริเวณตามแนวเส้นศูนย์สูตร  เช่น เม็กซิโก โลลัมเบีย ตอนกลางของทวีปแอปริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

   ลักษณะเด่นของซาติวา มีลำต้นหนา สูงประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียวอ่อน มีการออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ที่ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี กระปรี้กระเปร่า จึงได้รับความนิยมจากเหล่านักปรัชญา ศิลปิน นักดนตรี 

   2.อินดิกา (Cannabis Indica)

 ผู้ค้นพบคือ ณอง-แป๊บติสท์ ลามาร์ค ( Jean – Baptiste Lamarck ) ทหารนักชีววิทยา ฝรั่งเศส ชื่อพันธุ์อินดิกาได้ชื่อตามแหล่งกำเนิดที่ค้นพบคือในอินเดียและบริเวณตะวันออกกลาง เช่น ปากีสถาน อัฟกานิสถาน โมร็อกโก 

          ลักษณะสำคัญของอินดิกา คือ ลำต้นมีพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร 

    3.รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)

          คนที่ตีพิมพ์คนแรก คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเชีย ดี.อี. จานิสเชสกี้ (D.E. Janischewsky) เมื่อปี ค.ศ. 1924 หรือ พ.ศ. 2467 กัญชาสายพันธุ์รูเดอราลิสมีแหล่งกำเนิดบริเวณตอนกลางและตะวันออกของทวีปยุโรป เช่น รัสเชีย 

          ลักษณะเด่น คือ มีลำต้นเตี้ยที่สุดในบรรดา 3 สายพันธุ์ ดูคล้ายวัชพีช ใบกว้าง 3 แฉก โตเร็ว มีปริมาณสาร THC (Tetrahydro cannabinol) น้อย แต่มี CBD สูง ( Cannabidiol ) มักถูกนำไปผสมข้ามสายพันธุ์กับสองสายพันธุ์ก่อนหน้า เพื่อให้ได้คุณสมบัติทางยา 



source:https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_53946/

Sunday 14 August 2022

การสำรวจผู้ชายและผู้หญิง:กัญชาเปลี่ยนประสบการณ์ทางเพศได้อย่างไร

 

กัญชาเปลี่ยนประสบการณ์ทางเพศได้อย่างไร: การสำรวจผู้ชายและผู้หญิง

บทนำ: มีรายงานว่ากัญชาช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทว่าจากการศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าดัชนีทางสรีรวิทยาและอัตนัยของความเร้าอารมณ์และแรงจูงใจทางเพศสัมพันธ์กับระดับความเข้มข้นของเอนโดแคนนาบินอยด์ที่ไหลเวียนลดลง

จุดมุ่งหมาย: เพื่ออธิบายความขัดแย้งนี้ เราประเมินว่าแง่มุมใดของประสบการณ์ทางเพศที่ได้รับการปรับปรุงหรือลดน้อยลงจากการใช้กัญชา

วิธีการ: เราใช้แบบสอบถามออนไลน์พร้อมตัวอย่างความสะดวกของผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกัญชา เราถามคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ทางเพศในแง่มุมต่างๆ และไม่ว่าจะได้รับผลกระทบจากกัญชาหรือไม่ นอกจากนี้เรายังถามเกี่ยวกับความผิดปกติทางเพศ
การวัดผลลัพธ์หลัก: แง่มุมของประสบการณ์ทางเพศของผู้เข้าร่วมที่ได้รับการปรับปรุงโดยกัญชา

ผลลัพธ์: เราวิเคราะห์ผลลัพธ์จาก 216 แบบสอบถามที่กรอกโดยผู้ที่มีประสบการณ์การใช้กัญชากับเพศ
 ในจำนวนนี้ 112 คน (52.3%) กล่าวว่าพวกเขาใช้กัญชาเพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ทางเพศ ผู้เข้าร่วม
-
82คน (38.7%) กล่าวว่าการมีเพศสัมพันธ์ดีขึ้น
- 34 คน (16.0%) บอกว่าดีขึ้นในบางด้านและแย่กว่าในด้านอื่นๆ
- 52 (24.5%) บอกว่าดีขึ้นบางครั้ง
และมีเพียง
10 คน (4.7%) เท่านั้นที่บอกว่า แย่ลง
จากผู้เข้าร่วม
202 คน 119 คน (58.9%) กล่าวว่ากัญชาเพิ่มความต้องการทางเพศ
ผู้เข้าร่วม
149 คนจาก 202 คน (73.8%) รายงานว่ามีความพึงพอใจทางเพศเพิ่มขึ้น
ผู้เข้าร่วม
144 คนจาก 199 คน (74.3%) รายงานว่ามีความไวต่อการสัมผัสเพิ่มขึ้น
และ
132 คนจาก 201 คน ผู้เข้าร่วม (65.7%) รายงานว่าถึงจุดสุดยอดที่รุนแรงขึ้น
จากผู้เข้าร่วม
199 คน 139 คน (ร้อยละ 69.8) กล่าวว่าพวกเขาสามารถผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างมีเพศสัมพันธ์
และผู้เข้าร่วม
100 คนจาก 198 คน (50.5%) กล่าวว่าพวกเขาสามารถมีสมาธิได้ดีขึ้น
จากผู้เข้าร่วม
28 คนที่รายงานว่าเข้าถึงจุดสุดยอดได้ยาก
14 คนกล่าวว่าเข้าถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้นขณะใช้กัญชา
แต่มีเพียง
10 คนเท่านั้นที่บอกว่าการมีเพศสัมพันธ์ดีกว่า

ผลกระทบทางคลินิก: ข้อมูลในการศึกษานี้ช่วยชี้แจงว่าด้านใดของการทำงานทางเพศสามารถปรับปรุงหรือแทรกแซงโดยการใช้กัญชา 

จุดแข็งและข้อจำกัด: เราถามถึงผลกระทบทางเพศที่เฉพาะเจาะจงของกัญชา ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าใจความขัดแย้งว่ากัญชาสามารถปรับปรุงและเบี่ยงเบนความสนใจจากประสบการณ์ทางเพศได้อย่างไร ข้อจำกัดของการศึกษานี้รวมถึงอคติที่อาจถูกนำมาใช้เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างรวมเฉพาะผู้ที่ตอบสนองต่อโฆษณา มันอาจจะไม่ได้เป็นตัวแทนของประชากรทั่วไปของผู้ที่ใช้กัญชา ยิ่งกว่านั้น หนึ่งในสามของกลุ่มตัวอย่างของเรากล่าวว่าพวกเขาใช้กัญชาทุกวันและแสดงให้เห็นว่าหนักกว่าผู้ใช้ทั่วไป

สรุป: ผู้เข้าร่วมการศึกษาจำนวนมากพบว่ากัญชาช่วยให้พวกเขาผ่อนคลาย เพิ่มความไวในการสัมผัส และเพิ่มความเข้มข้นของความรู้สึก ซึ่งช่วยปรับปรุงประสบการณ์ทางเพศของพวกเขา ในขณะที่คนอื่นๆ พบว่ากัญชาเข้ามารบกวนโดยทำให้พวกเขาง่วงนอนและมีสมาธิน้อยลง หรือไม่มีผลใดๆ ต่อ ประสบการณ์ทางเพศของพวกเขา

หมายเหตุ: งานเขียนดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยและสำรวจจากต่างประเทศ ไม่ได้มีจุดประสงค์ยุยง หรือส่งเสริมใดๆ หากต้องการใช้ และผู้จะใช้มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ อย่างเคร่งครัด  

reference: 
https://post.healthline.com/wp-content/uploads/2020/09/11892-Does_CBD_Make_Sex_Better-_732x549-thumbnail.jpg
https://bestlifeonline.com/wp-content/uploads/sites/3/2017/04/shutterstock_517429750.jpg?quality=82&strip=1&resize=800%2C450

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/31447385/#:~:text=Of%20202%20participants%2C%20119%20(58.9,an%20increased%20intensity%20of%20orgasms.
 


 


Sunday 24 July 2022

9 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกัญชา

9 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกัญชา












#1
ใช้อย่างตั้งใจ

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ใช้สารเสพติดในขณะที่อยู่ในวิทยาลัย หากคุณเลือกใช้กัญชา ให้นึกถึงประสบการณ์ที่คุณต้องการมีและประสบการณ์ที่คุณอยากหลีกเลี่ยง
ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้
ถ้าฉันเลือกใช้กัญชา ฉันต้องการ:
- รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
- ลดความรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
- เข้าสังคมได้ง่ายขึ้น
- ลดอาการทางร่างกายที่เกี่ยวข้องกับภาวะอื่นๆ (เช่น ความเจ็บปวด)

ถ้าฉันเลือกใช้กัญชา ฉันไม่ต้องการ:
-
สูญเสียการควบคุม
-
มีปัญหาเรื่องความจำ
-
รู้สึกวิตกกังวลหรือวิตกกังวลของฉันแย่ลง
-
ส่งผลเสียต่อโรงเรียน การงาน หรือความสัมพันธ์ของฉัน

#2 รู้ขนาด โดยเฉพาะชนิดของกัญชา
ปริมาณอาจแตกต่างกันไปตามรูปแบบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์กัญชา เป็นความคิดที่ดีที่จะตรวจสอบขนาดเสิร์ฟอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอาหารที่กินได้ ขนาดที่ให้บริการมาตรฐานมี THC ไม่เกิน 10 มก. อย่างไรก็ตาม ความอดทนของคุณเองอาจส่งผลต่อผลกระทบต่อขนาดที่ให้บริการ หากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณใช้ของกินได้ ให้เริ่มด้วยปริมาณที่น้อยลง (เช่น 2.5-5 มก.) สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คืออาจต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าสิ่งที่กินได้จะเริ่มมีผลและนานถึง 4 ชั่วโมงจึงจะรู้สึกได้ถึงผลเต็มที่

#3 หลีกเลี่ยงการผสมกัญชากับแอลกอฮอล์และสารอื่นๆ
การใช้สารทีละอย่างมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดประสบการณ์ที่คุณต้องการ การผสมสารตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปอาจทำให้คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือคุณจะได้รับผลกระทบอย่างไร นอกจากนี้ สารสองชนิดหรือมากกว่าที่ใช้ร่วมกันอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เล่นอย่างปลอดภัยโดยใช้สารครั้งละหนึ่งสารเท่านั้น


#4 รอก่อนที่จะทำกิจกรรมที่อาจทำให้คุณมีความเสี่ยงสูง
ขอแนะนำให้รออย่างน้อย 3-6 ชั่วโมงหลังจากการสูบ และ 6-8 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารที่บริโภคได้ก่อนที่จะทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การขับรถ เล่นสกี หรือว่ายน้ำ โปรดทราบว่าเวลาเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความอดทนและการใช้งานของคุณ ในบางกรณี คุณอาจต้องรอนานกว่าเวลาที่แนะนำ



#5 เริ่มจากต่ำแล้วไปช้าๆ

หากคุณไม่เคยใช้กัญชามาก่อน ให้เริ่มด้วยปริมาณที่น้อยลงและค่อยๆ ไปจนกว่าคุณจะรู้ว่ามันจะส่งผลต่อคุณอย่างไร นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อทำการทดลองกับสิ่งที่กินได้และสารเข้มข้น มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีระดับ THC ต่ำกว่าและรอดูว่ามันส่งผลต่อคุณอย่างไรก่อนที่จะบริโภคมากขึ้น
สำหรับการอ้างอิง ดอกมักจะมี THC 10% ถึง 30% ในขณะที่สารเข้มข้นมักมี 60% ถึง 90% หรือมากกว่า หากคุณเลือกใช้ ให้ไปกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในขอบเขตของคุณ และปฏิบัติตามแนวทางและคำแนะนำที่ให้มาบนบรรจุภัณฑ์เดิมเสมอ

หากคุณกำลังใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ซื้อโดยเพื่อน ให้สอบถามว่าคุณสามารถเห็นบรรจุภัณฑ์เดิมเพื่อยืนยันความเข้มข้นหรือไม่
ดอก (ตูม): 10% ถึง 30%
กินได้  (ผลิตภัณฑ์ที่สำหรับรับประทาน หรือ ดื่ม): 5 ถึง 10ก. (ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค)
เข้มข้น (น้ำมัน, แฮช, แต้ม, แว็กซ์): 60% ถึง 90%


#6
ลดความถี่ของคุณ
เช่นเดียวกับสารอื่นๆ การใช้กัญชาบ่อยครั้งสามารถเพิ่มความอดทนของคุณ ซึ่งหมายความว่าอาจต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน การใช้กัญชาน้อยลงยังช่วยลดความเสี่ยงของการพึ่งพาอาศัยกัน อาการทางจิตในเชิงลบ และผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่แน่ใจว่าคุณจำเป็นต้องลดความถี่ของคุณหรือไม่? ต่อไปนี้คือคำถามสองสามข้อที่จะช่วยให้คุณไตร่ตรองถึงการใช้งานในปัจจุบันของคุณ:
การบริโภคของฉันส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน ประสิทธิภาพของโรงเรียน หรือผลการปฏิบัติงานหรือไม่?

·       การใช้ของฉันรบกวนความสัมพันธ์ของฉันหรือไม่?

·       การใช้ของฉันส่งผลต่อความจำของฉันหรือไม่?

·       ฉันรู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่อยากจะเป็นหรือเปล่า?

·       ฉันทำผิดกฎหรือข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้กัญชาหรือไม่?

·       การใช้งานของฉันส่งผลต่อการเงินของฉันอย่างไร?

#7 จัดเก็บผลิตภัณฑ์กัญชาอย่างปลอดภัย
เก็บผลิตภัณฑ์กัญชาไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมเพื่อให้สามารถระบุได้ง่าย อย่าลืมเก็บไว้ในที่ปลอดภัยซึ่งสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็กไม่สามารถเข้าถึงได้ หากสัตว์เลี้ยงหรือเด็กบริโภคผลิตภัณฑ์กัญชาใดๆ โปรดติดต่อสัตวแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพทันที

#8 ใช้กับคนที่คุณไว้วางใจ
การใช้กัญชากับคนที่คุณรู้จัก ไว้วางใจ และรู้สึกสบายใจด้วยมักจะส่งผลให้เกิดประสบการณ์เชิงบวก หากคุณรู้สึกกดดันที่จะใช้มากกว่าที่คุณพอใจ ให้หาวิธีที่คุณสามารถพูดว่า "ไม่" เช่น คุณสามารถพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันต้องขับรถกลับบ้านทีหลัง” หรือ “ฉันจะเริ่มด้วยสิ่งนี้และดูว่าจะเป็นอย่างไร”

#9 หลีกเลี่ยงการแบ่งปัน

หลีกเลี่ยงการใช้พันลำ ข้อต่อ บ้อง ท่อ เครื่องทำให้ไอระเหย ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปันอาจทำให้คุณมีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อโควิด-19 สูงขึ้น และยังทำให้คุณเป็นโรคอื่นๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือโมโน ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากคนสู่คนผ่านทางน้ำลายได้ การแบ่งปันกับเพื่อนอาจหมายความว่าคุณได้รับ THC ในปริมาณที่สูงกว่าที่เคยเป็น

Credit:
https://www.colorado.edu/health/marijuana
https://www.drugscience.org.uk/wp-content/uploads/2022/01/shutterstock_1382834480-1536x865.jpg
https://post.healthline.com/wp-content/uploads/2019/07/hangover-732x549-thumbail.jpg
https://im.indiatimes.in/content/2017/Apr/bigimage_thenewshq_com_1491407026_1491407052.jpg?w=1100&h=535&cc=1

 


Wednesday 4 May 2022

คริปโต:ตอน วิธีเริ่มลงทุน Cryptocurrency

 

วิธีเริ่มลงทุน Cryptocurrency


ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากเริ่มลงทุนคริปโตฯ แล้วบ้าง? มาดูกันดีกว่าว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนจะลงทุนในโลกคริปโตฯ



อย่าลืมศึกษา White Paper ก่อนลงทุน

ถ้าเป็นกองทุนก็ต้องศึกษาหนังสือชี้ชวนก่อนลงทุน แต่หากเป็นคริปโตฯ เราต้องศึกษาสิ่งที่เรียกว่า “White Paper” ก่อนลงทุนในเหรียญใด ๆ เสมอ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะ White Paper เป็นเอกสารที่ผู้สร้างเหรียญระบุข้อมูลที่เกี่ยวกับเหรียญทั้งหมด เป็นสิ่งที่จะทำให้เรารู้ถึงกลไกของเหรียญว่ามีกลไกอะไรที่ควบคุมอุปทาน (Supply) ของเหรียญอยู่ อุปทานของเหรียญมีอย่างจำกัดหรือไม่ ช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกลงทุนในเหรียญนั้น ๆ  

ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง

ไม่ใช่แค่เพียงการลงทุนในคริปโตฯ ก่อนลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การศึกษารายละเอียดคือการ “ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง” ใครที่ตามข่าวคริปโตฯ อยู่ก็คงจะทราบกันดีว่า ตลาดคริปโตฯ มีความผันผวนสูงมาก ราคาเคลื่อนไหวเร็ว ขึ้นแรงลงแรง ลองประเมินความเสี่ยงดูว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด หากรับความเสี่ยงไม่ได้มากแต่ยังอยากลงทุนในคริปโตฯ อยู่ ลองศึกษาวิธีลงทุนอื่น ๆ นอกเหนือจากการเทรดดู เลือกวิธีที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้มากที่สุด เราจะได้ลงทุนแบบมีความสุขไปได้ยาว ๆ

เปิดบัญชีซื้อขายคริปโตฯ

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนในประเทศไทยมากมาย แต่ละเจ้าก็งัดจุดแข็งมาพิชิตใจลูกค้ากันแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีที่สุดแสนจะง่ายดายผ่านทางออนไลน์ ค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำ ฯลฯ ลองเปรียบเทียบของแต่ละเจ้าดูว่ามีเหรียญที่เราอยากลงทุนเปิดให้ซื้อขายหรือไม่ แอปพลิเคชันซื้อขายสะดวกต่อการใช้งานไหม มีฟังก์ชันครบตามที่เราต้องการรึเปล่า

เครดิต:https://www.finnomena.com/planet46/what-is-cryptocurrency/

คริปโต:วิธีหาเงินจาก Cryptocurrency

 วิธีหาเงินจาก Cryptocurrency



การลงทุนระยะยาว (Hodl)

สำหรับนักลงทุนระยะยาว ในวงการคริปโตฯ จะเรียกนักลงทุนสายนี้ว่า “Hodl” ย่อมาจาก “Hold on for dear life” ความหมายคือ ถือเหรียญคริปโตฯ ไปแบบยาว ๆ โดยอาจจะถือเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่ขาย ไม่ว่าราคาตลาดจะเป็นเช่นไร จะผันผวนสักแค่ไหน ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนสายนี้ต้องคำนึงคือเทคโนโลยีของเหรียญที่เราเข้าซื้อถือว่ามีโอกาสที่จะเติบโตมากน้อยเพียงใด มีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาวหรือไม่

การเทรด (Trading)

การเทรดเป็นการทำกำไรในคริปโตฯ โดยใช้โอกาสระยะสั้นจากความผันผวนของราคาคริปโตฯ อย่างทราบกันว่าคริปโตฯ ราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างไว จึงมีนักเก็งกำไรไม่น้อยที่เข้ามาหาโอกาสทำกำไรจากตลาดคริปโตฯ ซึ่งกลยุทธ์การเทรดก็มีหลากหลายทั้งแบบ Scalping, Day Trade และ Swing Trade อย่างไรก็ตาม การที่จะเป็นสายเทรดเดอร์ได้เราต้องมีทักษะการวิเคราะห์และเทคนิคต่าง ๆ ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จและคาดการณ์ราคาเหรียญได้อย่างแม่นยำ

Staking

เป็นการนำเหรียญไปฝากไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่รองรับการ Stake และล็อกมันไว้ เหรียญที่เราฝากไว้จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการความถูกต้องของธุรกรรมบนบล็อกเชนแบบ Proof of Stake (PoS) โดยผลตอบแทนจากการ Stake จะอยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ย ซึ่งอัตราก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม 

อย่างไรก็ตาม การ Stake มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการปลดล็อกอยู่ ซึ่งอาจทำให้เราไม่สามารถถอนเหรียญที่เราฝากไว้ได้ทันที



Yield Farming

Yield Farming หรือที่เรียกกันติดปากว่าการ “ฟาร์ม” เป็นอีกหนึ่งวิธีการหารายได้จากคริปโตฯ ด้วยการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้ใน Liquidity Pool ของแพลตฟอร์ม Decentralized Finance (DeFi) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์มนั้น ๆ โดยผลตอบแทนที่จะได้รับจากการฟาร์มจะอยู่ในรูปแบบของค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย รวมถึงโทเคน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม

ทั้งนี้ควรศึกษาก่อนว่าแต่ละแพลตฟอร์มเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งแพลตฟอร์ม DeFi ที่ได้รับความนิยมก็เช่น Uniswap, Sushiswap และ AAVE เป็นต้น 


การขุด (Mining)

การขุด (Mining) เป็นหนึ่งในวิธีหารายได้จาก Cryptocurrency ที่มีมาอย่างยาวนานที่สุด ใครที่อยากหารายได้โดยการขุด สิ่งแรกที่เตรียมคือหาเครื่องขุดคริปโตฯ สเปคเจ๋งๆ มาสักหนึ่งเครื่อง ซึ่งหาซื้อไม่ยาก เพียงแค่เปิด Lazada หรือ Shopee ก็มีให้เราเลือกมากมาย ส่วนเรื่องราคาก็ตามสเปคเลย ยิ่งสเปคสูงประมวลผลได้รวดเร็วราคาก็สูงตาม

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึง “ค่าไฟ” ด้วย เพราะการขุดคริปโตฯ โดยเฉพาะบิตคอยน์จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล ดังนั้น ควรคำนวณให้ดีกว่าหากเราซื้อเครื่องขุดมาและหักต้นทุนค่าไฟไปแล้วจะคุ้มหรือไม่กี่ปีถึงจะคืนทุน

Airdrop

แอร์ดรอป (Airdrop) เป็นการแจกเหรียญคริปโตฯ รวมถึงโทเคนสู่กระเป๋าเงินดิจิทัล แต่แน่นอนว่าของฟรีไม่มีในโลก หากใครอยากได้เหรียญคริปโตฯ แบบฟรี ๆ ด้วยวิธี Airdrop ก็ต้องไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผู้แจกได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ เช่น ติดตามแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดีย แชร์หรือรีทวีตโพสต์ สมัครใช้งานเว็บไซต์ ฯลฯ Airdrop ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีทำการตลาดสำหรับผู้ที่ทำโปรเจกต์คริปโตฯ เป็นการโปรโมทให้คนรู้จักโปรเจกต์นั้น ๆ มากขึ้น

เครดิต: https://www.finnomena.com/planet46/what-is-cryptocurrency/