C L I C K

Tuesday 14 July 2015

อย่าหวังพึ่ง...

วันนี้ผมจะพูดเรื่องการพึ่งพาตัวเอง 

สำหรับประเทศไทยนั้น เท่าที่ผ่านมา ในหนึ่งปีเราได้เห็นอะไรบ้าง 
ตอนหน้าหนาว เราเห็นบริษัทใหญ่ๆ เอาผ้าห่มไปแจกชาวบ้านในถิ่นกันดาษ
หน้าแล้ง รอให้ทำฝนเทียม หน้าฝน ให้ทางรัฐฯ หาทางช่วยเหลือ เวลาที่เกิดปัญหาน้ำท่วม
ตลอดทั้งปีเราเห็นแต่ข่าวกับคำว่า 

รอภาครัฐ 
รอคนนั้นคนนี้ช่วยเหลือ 

แล้วถามว่าตัวเราได้เริ่มช่วยเหลือตัวเองกันหรือเปล่า?!?!

ผมเคยอ่านข่าวว่า ทำไมผ้าห่มที่แจกในหน้าหนาวถึงไปแจกซ้ำๆกันทุกปี แล้วหน้าฝน หน้าร้อน ผ้ามันหายไปไหน คำตอบคือ ชาวบ้านเอาไปขายกับคนที่มารับซื้อหลังจากหมดฤดูหนาว
ถามว่าทำไมเขาไม่คิดหล่ะ ว่าปีหน้ามันก็ต้องหนาวอีก อาจจะเป็นเพราะความยากจน อาจจะเป็นเพราะความแร้งแค้น เลยต้องขายอะไรใกล้ๆมือ ออกไปเสียก่อน
ทำไมปัญหาถึงยังแก้ไม่ได้หล่ะ
ก็เพราะคนเหล่านั้นยังคิดไม่ออกนะสิ (พูดแบบกำปั้นทุบดินเลยนะ)

แต่จริงๆแล้วคือ คนเหล่านี้มัก ตีกรอบความคิด ด้วยข้ออ้างที่ว่า ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวความผิดพลาด
อดีตเคยทำมายังไง ก็ทำแบบนั้นต่อไป
สรุปสั้นๆคือ อยู่ในcomfort zone นี้แหละ วิถีที่ทำมายังไง ก็จะทำอยู่อย่างนั้น
ผมให้ความเห็นแบบนี้ครับ ถ้าตราบใดที่คุณยังคิดในกรอบ แบบคิดเดิมๆ ไม่มีวันที่คุณจะได้ผลที่แตกต่างออกไป แต่ถ้าคุณลองคิดทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆออกไป มันคือการทดลอง อย่างน้อยถ้ามันดีขึ้น หรือแย่ลง คุณก็ได้ลงมือลองทำมันแล้ว ดีกว่าทำแบบเดิมได้แบบเดิม เหมือนทุกวันๆ
ย้อนกลับมาพูดถึงการพึ่งพาตนเอง ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องเห็นแก่ตัว แต่จะบอกว่า ก่อนที่เราจะไปร้องขอความช่วยเหลือคนอื่น เราได้ทำเองแล้วหรือยัง บางคนยังไ่ม่ริเริ่มที่จะทำเองด้วยซ้ำ  มีปากก็พูดไปก่อน ขอให้คนนั้น รอคนนี้ช่วยเหลือ ขอให้คิดเสมอนะครับ ในวันนี้คุณขอให้คนอื่นช่วย วันหลังคุณก็ต้องช่วยผู้นั้นคืน มันเป็นเรื่อง Give and Take ถ้าคุณเริ่มที่ Take ก่อน มันเพาะนิสัยเห็นแก่ตัวเล็กๆนะครับ
ทางที่ดีเป็นผู้ Give ที่ดี มองโลกแง่ดี ให้กับคนที่ด้อยกว่า ด้วยนะครับ
การเป็นคนที่พึ่งพาตนเอง ในแง่ดีคือคุณจะมองปัญหาอะไรต่างๆ ไม่ได้ใหญ่โต มันมีวิธีจัดการ ดำเนินการ และแก้ไข ผมยกตัวอย่าง หลังจากคุณทานข้าวเสร็จ ถ้าคุณมีหน้าที่ต้องล้างจาน คุณเลือกที่จะล้างมันทันที หรือ เอาไว้ก่อนอาบน้ำที่หลัง เดี๋ยวสักพักคุณค่อยล้าง ไม่ว่าจะเลือกล้างตอนไหน ยังไงก็ต้องล้างอยู่ดี จริงไหม บางคนเลือกล้างทันที บางคนเลือกล้างก่อนจะอาบน้ำนอน แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน แต่บางคนกลับไปเรียกอีกคนมาจัดการล้าง โดยอ้างเหตุผลต่างๆ แล้วตัวเองก็ไปนอนดูทีวีสบายใจ อันนี้เรียกว่าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเอง คุณเลือกจะเป็นคนแบบไหน
ผมมองว่าในสังคมไทย ยังขาดวินัยครับ พอเราขาดวินัย และระเบียบ และการปลูกฝังจิตสำนึก             เราเลยพากันไม่มีหลักยึดและแนวคิด  เราหวังพึ่งพากับอะไรหลายๆอย่างที่จับต้องไม่ได้ ไปหวังพึ่งสลากกิน(ไม่ค่อย)แบ่งของรัฐบาล ฝนไม่ตกก็ไปขอแห่นางแมว และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผมย้อนถามแบบตรงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เราอยากแก้ปัญหากันแค่เบื้องต้น แก้กันแบบผ่านๆไป อยากรวยอย่างรวดเร็ว อยากมีอย่างคนอื่น อยากได้มาอย่างง่ายๆ คิดกันได้แค่นี้จริงๆ หรือ? ไม่ต้องดูอะไรกันไกลๆ คนบางคนเลือกประชานิยม แล้วเป็นไง หนี้ระยะยาว นั้นเพราะเราคิดกันสั้นๆ นักวิชาการออกมาบอกแล้ว ก็ไม่ฟัง สุดท้ายมียกเลิกใบจองรถกันมากมาย

เราเองคงต้องมาคิดกันใหม่ ทำอะไรด้วยตัวเอง หาความรู้ด้วยตัวเอง ปัจจุบันแหล่งความรู้มีมากมายหลายทางไม่ว่าจะในอินเตอร์เน็ท หนังสือบางเล่มแทบจะไม่ต้องซื้อ เพราะความรู้มีในนี้แล้ว อยู่ที่ว่าคุณจะลงมือหาความรู้เองไหม

เริ่มเสียแต่วันนี้ เริ่มที่จะเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ และคิดเสมอว่าทำให้ดีกว่าเมื่อวาน

เริ่มจากการทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่อ้าปากพูดก่อนจะลงมือทำ

จงเป็นผู้ใหญ่เสียทีครับ มีแต่เด็ก เท่านั้นที่ร้องขอจากผู้ใหญ่

คุณลองมองคนด้อยโอกาส คนพิการ สิครับ บางคนนั้น สู้ชีวิตมากกว่าคนปรกติเสียอีก

อย่าทำตัวด้อยค่ากว่าคนเหล่านั้น ตราบใดที่คุณยังมีอวัยวะครบ 32 และมีสติสัมปัชญะครบถ้วนอยู่
  • ถ้าคุณคิดว่าตัวเองด้อยค่า ลองคลาน ด้วยสองมือสิครับ แล้วคุณจะเข้าใจ
  • ทำไมเขาเหล่านั้นยังต่อสู้ เป็นนักกีฬาพาราลิมปิกได้ แล้วคุณหล่ะ 
  • ทำไมไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
  • ทำไมยังล้มและไม่ลุก
  • ทำไมยังต้องพึ่งพาใครต่อใคร
  • อย่าให้ใครดูถูกว่าคุณยังต้องพึ่งคนอื่นๆ ทั้งๆที่ปรกติครบถ้วน
  • กลับไปคิดดูดีๆนะครับ ว่าคุณยังอยากจะต้องเป็นคนที่ต้องพึ่งคนอื่น หรือ คุณเลือกที่จะพึ่่งพาตัวเอง ด้วยตัวเอง เพื่อตัวเอง

คุณควรจะภูมิใจที่ยังมีความเป็นคน เป็นมนุษย์ ที่ยังหายใจอยู่ 
ผมเชื่อว่าคุณทำได้ และจะทำได้ดีกว่าเมื่อวาน

#จงภูมิใจในตัวเองที่เป็นตัวเอง
#eastsidebangkok
#believe








No comments:

Post a Comment