คำๆนี้คนไทยอาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าเป็นฝรั่งจะทราบว่ามันเป็นคำพูดของแม่มดในเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด แปลภาคภาษาไทยได้ความว่า กระจกวิเศษจงบอกข้าเถอะ.... บลาๆๆๆ
ในชีวิตคนเราไม่มีหรอกกระจกมาบอกเรา มาอวย มายอ มาชี้แนะ ถ้ามีกระจกแบบนี้หลายๆคนคงไปขอหวย เลขเด็ด นั้นคือสิ่งที่บางคนคิดได้
ผมถามจริงๆ นะ สื่อทำให้เราคิดแบบนี้ หรือ เราเป็นแบบนี้กันมานานแล้ว
พูดถึงเรื่องสื่อ อันนี้ใกล้ตัวที่สุด เรามีหนังสือพิมพ์ ทีวี รายการมากมาย แต่รายการที่เป็น mass ทางrating จริงๆ ก็พวกvariety ต่างๆ จำพวกละคร เกมโชว์ รายการสัมภาษณ์ต่างๆ เอาจริงๆ ผมว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่หันหลังให้กับรายการเหล่านี้ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปดู อย่างมากก็ถ้าอยากดูก็ไปดูใน youtube หาเอาในfacebook เดี๋ยวก็มีสำนักข่าว เอาข่าวมาลงให้ดู แต่เดี๋ยวก่อน ข้อมูลข่าวสารเรื่องที่เอามาเป็นประเด็นล้วนแต่ไม่ได้ให้ประโยชน์เลยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ดาราไปกับสามี รูปหลุด( ต้องยอมรับว่า มนุษย์ในสันดานชอบอยากรู้เรื่องชาวบ้าน) อันนี้ปรกติ แต่ถามว่ารูปแล้วมันให้ประโยชน์อะไรกับเราไหม
จำเป็นต้องรู้ไหม
ในสังคมไทยตลอดวันเราลองมาดูสิ ว่าข่าวที่เป็นประโยชน์จริงๆ ให้สาระ ประดับความรู้เรา มีสักกี่ข่าว
เคยมีท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณอยากรู้ว่าประเทศนั้น คนในชาติเป็นอย่างไร ให้ดูว่าหนังสือพิมพ์อะไรที่ขายดี รายการอะไรที่คนนิยมดู และอัตราส่วนของรายการทีวี มีรายการอะไรบ้างเป็นรายการหลักๆ
หลังจากที่ผมลองวิเคราะห์ดูตามแผงหนังสือต่างๆ คุณลองถอยหลังสักสี่ห้าก้าว มองกวาดสายตาในแผงหนังสือ เราจะเจอหนังสืออะไรบ้างที่มีคุณค่า หรือ คุณเจอแต่หนังสือGossip ดารา หนังสือบันเทิง หนังสือพิมพ์ที่มีแต่ข่าวชาวบ้าน รถคว่ำ อุบัติเหตุ อาชญากรรม ข่าวแง่ลบ ภาพดาราถ่ายชุดหวาบหวิวในวันอาทิตย์
ถามว่าเรามีสื่อแบบนี้มากไปไหมในประเทศนี้ ในประเทศที่ควรจะมีการจำกัด category ว่าควรมีเท่าไหร่ บอกตรงๆนะครับ digital media กำลังทำให้หนังสือประเภทนี้ หลุดจากตลาดออกไปเรื่อยๆ
เราทุกคนสามารถหาข่าวพวกนี้จากfacebook หรือGoogle แล้วถามว่ามันจำเป็นต้องซื้อหนังสือแบบนี้ไหม ไม่เลยถ้ามันไม่แถมของแจก หรือ ชิงโชค
หากเราใช้สติคิดสักนิด ว่าทำไมต้องซื้อหนังสือจำพวกนี้ ทั้งๆที่เราสามารถบริโภคข่าวสารดีๆ มีสาระมากกว่าจะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระไม่เกิดประโยชน์ เอาจริงๆ คุณอ่านเรื่องพวกนี้ ก็แค่เอาไว้เม้าท์มอยกับเพื่อนในกลุ่มสนทนา แล้วมันต่างอะไรที่เหมือนคุณรู้เรื่องคนข้างบ้าน แล้วเอาไปนินทากับเพื่อนของคุณ ก็คงไม่ต่างกับคนใช้ข้างบ้านคุยนินทาเจ้านายของตัวเอง หรือคิดว่ามันไม่จริงครับ
สุดท้ายขอฝากข้อคิดนะครับว่า ถ้าเรื่องราวมันไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตัดๆมันทิ้งไปบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องบนโลกหรอก เอาที่มันต้องรู้ อากาศ ดินฟ้า เศรษฐกิจ ความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ การเงิน การธนาคาร การเมือง แค่นี้ก็คงพอแหละ รู้หลายๆอย่างๆ เข้าใจและนำมาปรับใช้กับชีวิตนะครับ
แต่ถ้ายังเลือกจะเสพข่าวจำพวก ถ้าคุณรู้สิ่งนี้คุณจะต้องอึ้ง อะไรประมาณนี้ ผมก็กดunfollow เลยครับ ชีวิตทุกวันนี้แค่น้ำมันปรับขึ้น 40 สตางค์ กูก็อึ้งพอแล้ว โอเคนะ
นิทานเรื่องนี้ไม่มีบทสรุป ขอให้คุณผจญภัยตามใจเลือก
เลือกจะเสพไร้สาระ หรือ หาสาระมาเสพ
โชคดีจงมีแก่ท่าน
つづく
mirror mirror
No comments:
Post a Comment